บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 8
วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561
เวลา 11.30 - 14.30 น.
knowledge (ความรู้)
Executive Function (EF) คือ การทำงานของสมองด้านการจัดการ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสำเร็จในชีวิต โดยอาศัยกระบวนการทางปัญญา (cognitive process) ต่างๆ เช่น การยับยั้งความคิด การแก้ปัญหา การวางเป้าหมาย การวางแผนการปฏิบัติ (goal-directed behavior) การจดจำ ความยืดหยุ่นทางปัญญา (cognitive flexibility) เป็นความสามารถในการควบคุมความคิดตนเอง เช่น มีรูปแบบความคิดที่หลากหลาย การคิดนอกกรอบ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดและความสนใจตามสถานการณ์ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งที่ซับซ้อนกระบวนการทางปัญญาเหล่านี้สามารถพัฒนาได้ในวัยเด็กตอนต้น ผ่านกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะด้านสังคม อารมณ์ และร่างกายเพื่อช่วยส่งเสริม EF ให้ดีขึ้น เช่นการเล่นดนตรี เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของ EF เพราะต้องอาศัยทักษะต่างๆ เช่น การมีสมาธิอย่างต่อเนื่อง ความยืดหยุ่นทางปัญญา การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน (task switching)
มีผลงานวิจัยใหม่ๆ ที่สนับสนุนเรื่องการฝึกเล่นดนตรีอาจช่วยให้พัฒนา EF ได้ โดยทีมนักวิจัยจาก Laboratories of Cognitive Neuroscience จาก Boston Children’s Hospital ในรัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้วิจัยเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่างในผู้ใหญ่ที่เป็นนักดนตรี และผู้ที่ไม่ได้เป็นนักดนตรี พบว่า ผู้ที่เป็น
นักดนตรีสามารถทำการทดสอบได้ดีกว่าในด้านความคล่องทางภาษา (verbal fluency) เช่น สามารถคิดคำศัพท์แยกตามประเภท, ความคล่องที่ไม่ใช่ภาษา (design fluency) เช่น การวาดรูปสัญลักษณ์ และรูปทรงต่างๆ และ การจำตัวเลขย้อนกลับ (backward digit span)
ส่วนกลุ่มตัวอย่างในเด็ก งานวิจัยได้เปรียบเทียบเด็กที่เรียนดนตรี และเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรี พบว่า เด็กที่เรียนดนตรีสามารถทำการทดสอบได้ดีกว่าด้านการทำงานประสานกันระหว่างมือและสายตาในการลอกเลียนแบบสัญลักษณ์ (coding) ความคล่องทางภาษา (verbal fluency) และ trail making เช่น การลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างวงกลมกับตัวเลขสลับกัน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ใช้การสแกนสมองแบบ fMRI พบว่าสมองส่วน prefrontal cortex ในเด็กที่เรียนดนตรีมีการทำงาน (activation) มากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรี
เนื่องจากงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิจัยแบบตัดขวาง (cross-sectional study) ดังนั้นจึงยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าการเรียนดนตรีจะสามารถพัฒนา EF ให้ดีมากขึ้น ยังต้องการผลการวิจัยแบบระยะยาว (longitudinal study) มารองรับด้วย
Executive Function (EF)
Executive Function (EF) คือ การทำงานของสมองด้านการจัดการ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสำเร็จในชีวิต โดยอาศัยกระบวนการทางปัญญา (cognitive process) ต่างๆ เช่น การยับยั้งความคิด การแก้ปัญหา การวางเป้าหมาย การวางแผนการปฏิบัติ (goal-directed behavior) การจดจำ ความยืดหยุ่นทางปัญญา (cognitive flexibility) เป็นความสามารถในการควบคุมความคิดตนเอง เช่น มีรูปแบบความคิดที่หลากหลาย การคิดนอกกรอบ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดและความสนใจตามสถานการณ์ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งที่ซับซ้อนกระบวนการทางปัญญาเหล่านี้สามารถพัฒนาได้ในวัยเด็กตอนต้น ผ่านกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะด้านสังคม อารมณ์ และร่างกายเพื่อช่วยส่งเสริม EF ให้ดีขึ้น เช่นการเล่นดนตรี เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของ EF เพราะต้องอาศัยทักษะต่างๆ เช่น การมีสมาธิอย่างต่อเนื่อง ความยืดหยุ่นทางปัญญา การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน (task switching)
มีผลงานวิจัยใหม่ๆ ที่สนับสนุนเรื่องการฝึกเล่นดนตรีอาจช่วยให้พัฒนา EF ได้ โดยทีมนักวิจัยจาก Laboratories of Cognitive Neuroscience จาก Boston Children’s Hospital ในรัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้วิจัยเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่างในผู้ใหญ่ที่เป็นนักดนตรี และผู้ที่ไม่ได้เป็นนักดนตรี พบว่า ผู้ที่เป็น
นักดนตรีสามารถทำการทดสอบได้ดีกว่าในด้านความคล่องทางภาษา (verbal fluency) เช่น สามารถคิดคำศัพท์แยกตามประเภท, ความคล่องที่ไม่ใช่ภาษา (design fluency) เช่น การวาดรูปสัญลักษณ์ และรูปทรงต่างๆ และ การจำตัวเลขย้อนกลับ (backward digit span)
ส่วนกลุ่มตัวอย่างในเด็ก งานวิจัยได้เปรียบเทียบเด็กที่เรียนดนตรี และเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรี พบว่า เด็กที่เรียนดนตรีสามารถทำการทดสอบได้ดีกว่าด้านการทำงานประสานกันระหว่างมือและสายตาในการลอกเลียนแบบสัญลักษณ์ (coding) ความคล่องทางภาษา (verbal fluency) และ trail making เช่น การลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างวงกลมกับตัวเลขสลับกัน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ใช้การสแกนสมองแบบ fMRI พบว่าสมองส่วน prefrontal cortex ในเด็กที่เรียนดนตรีมีการทำงาน (activation) มากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรี
เนื่องจากงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิจัยแบบตัดขวาง (cross-sectional study) ดังนั้นจึงยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าการเรียนดนตรีจะสามารถพัฒนา EF ให้ดีมากขึ้น ยังต้องการผลการวิจัยแบบระยะยาว (longitudinal study) มารองรับด้วย
แผนการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัย
แผนการจัดประสบการณ์
เป็นการวางแผนการสอนรายวันที่ครอบคลุมพัฒนาการทั้ง 4
ด้านของเด็กปฐมวัยผ่านการกำหนดกิจกรรมประจำวัน
เพื่อให้เด็กปฏิบัติและได้รับประสบการณ์
อันจะนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์การศึกษาทั้งด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย
และทักษะพิสัย
การเขียนแผนการจัดประสบการณ์รายวันจะนำสาระที่ควรเรียนรู้และประสบการณ์สำคัญที่กำหนดเป็นหน่วยบูรณาการ
(unit plan) นำมาออกแบบเป็นแผนการจัดการประสบการณ์รายสัปดาห์
(weekly plan) มาวางแผนการจัดประสบการณ์แต่ละวันในกิจกรรมประจำวัน
ซึ่งแผนการจัดประสบการณ์นั้นจะยึดหลักความสอดคล้องกับสาระสำคัญและจุดประสงค์ของหน่วยบูรณาการที่กำหนดไว้ในตอนต้น
การเขียนแผนใน 1 วันต้องเขียนทั้ง 6 กิจกรรมหลัก คือ
1.กิจกรรมเสริมประสบการณ์
2.กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
3.กิจกรรมกลางแจ้ง
4.กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
5.กิจกรรมเสรี
6.กิจกรรมเกมการศึกษา
*การเลือกเรื่องที่จะสอนนั้น ต้องเป็นเรื่อง ในชีวิตประจำวันของเด็ก เป็นเรื่องใกล้ตัวเด็กและส่งผลกระทบต่อเด็ก*
องค์ประกอบการเขียนแผนการจัดประสบการณ์
องค์ประกอบของแผนการจัดประสบการณ์
- วัตถุประสงค์ คือ สิ่งที่ต้องการให้เด็กได้ หลังจากการทำกิจกรรม
- สาระการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น สาระที่ควรเรียนรู้ / ประสบการณ์สำคัญ (นำมาจากหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย)
- กิจกรรมการเรียนรู้ คือ กิจกรรมที่เราจะสอนเด็ก แบ่งออกเป็น ขั้นนำ ขั้นสอน ขั้นสรุป
- สื่อ / แหล่งการเรียนรู้ คือ สื่อที่เราจะใช้สอน
- การวัดและการประเมินผล เช่น การสังเกต การจดบันทึกพฤจิกรรม
- การบูรณาการ
แนวคิดในการจัดประสบการณ์ คือ เครื่องมือที่เด็กจะใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินใจในชีวิตประจำวัน
เช่น หน่วยยานพาหนะ
ประสบการณ์สำคัญ คือ สิ่งที่เด็กได้มีโอกาสกระทำ ประสบการณ์ทำให้เกิดการเรียนรู้
*การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อที่จะเอาตัวรอดในการดำรงชีวิตและนำมาสังเกตประเมินผลได้*
*วิธีการเรียนรู้ หมายถึง การลงมือกระทำผ่านวัตถุผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 (การเล่น)โดยเลือกตัดสินใจด้วยตนเอง*
คุณลักษณะตามวัย หมายถึง สิ่งที่ให้รู้พัฒนาการเด็กในแต่ละวัย เพื่อนำมาจัดประสบการณ์ให้ทรอดคล้องกับพัฒนาการและวิธีการเรียนรู้ เพื่อสามารถนำมาประเมินพัฒนาการเด็กในแต่ละด้าน
กิจจกรรมเคลื่อนไหวจังหวะ
การเคลื่อนไหวจังหวะ
เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้เคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายอย่างอิสระตาม จังหวะ
โดยใช้เสียงเพลงคำคล้องจองการปฏิบัติตามสัญญาณ ส่งเสิรมพัฒนการการด้านร่างกาย ให้เด็กได้เคลื่อนไหวอย่าอิสระและความคิดสร้างสรรค์ตามจินตนาการ
รูปแบบการเคลื่อนไหว
1. เคลื่อนไหวพื้นฐาน ได้แก่
- เคลื่อนไหวอยู่กับที่ ได้แก่ ตบมือ ผงกศีรษะ ขยิบตา ชันเขา เคาะเท้า เคลื่อนไหวมือและแขน
มือและนิ้ว เท้าและปลายเท้า
- การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่
ได้แก่ คลาน คืบ เดิน วิ่ง กระโดด ควบม้า ก้าวกระโดด
2. เคลื่อนไหวสัมพันธ์เนื้อหา เช่น
-เคลื่อนไหวตามคำสั่ง
-เคลื่อไหวตามคำบรรยาย
-เคลื่อนไหวตามความจำ
-เคลื่อนไหวแบบผู้นำ-ผู้ตาม
-เคลื่อนไหวประกอบเพลง
คำศัพท์ (VOCAB)
Executive Function >> การทำงานของสมองด้านการจัดการ
Erbal fluency >> ด้านความคล่องทางภาษา
Cognitive flexibility >> การจดจำ ความยืดหยุ่นทางปัญญา
Coding >> การลอกเลียนแบบสัญลักษณ์
Coding >> การลอกเลียนแบบสัญลักษณ์
Nit plan >> หน่วยบูรณาการ
Experience Plan >> แผนการจัดประสบการณ์
Backward digit span>> การจำตัวเลขย้อนกลับ
Application (การประยุกต์ใช้)
-การเขียนแผนการจัดประสบการ์เป็นสิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องใช้และเขียนให้ถูกต้อง ตามลำดับขั้นตอน สามารถนำทักษะการเรียนรู้ในวันนี้ไปใช้เป็นเทคนิคการเขียนแผนได้ ทั้งวิธีการเขียน และมีประสบการณ์ในการเขียนอีกด้วย
Evaluation (การประเมิน)
Teacher (อาจารย์)
-มาสอนตรงเวลา มีการอธิบายละเอียด ชัดเจน ใข้คำถามกระตุ้นให้เราได้คิดและช่วยกันตอบ
Self (ตนเอง)
-มาตรงเวลา ตอบคำถามบ้างครั้ง จดบันทึกเนื้อหาจากที่อาจารย์สอน
Friends (เพื่อน)
-ตั้งใจเรียน คิดตามที่อาจารย์สอน ให้ความร่วมมือในการเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น