วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 17

วันอังคาร ที่ 1  พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.00 - 17.30 น.

ชดเชยของ วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.30 - 14.30 น.



knowledge (ความรู้)




เด็กปฐมวัย มาจากคำในภาษาอังกฤษ "ํYoung Children" หมายถึง เด็กที่อยู่ในช่วงแรกเกิดถึงแปดปี ซึ่งจะเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุ

ช่วงวัยทารก/วัยเตาะแตะ  ช่วงอายุ 0-3ปี
ช่วงวัยก่อนเข้าโรงเรียน  ช่วงอายุ 3-5 ปี
ช่วงวัยอนุบาล  ช่วงอายุ  5-6 ปี
ช่วงประถมศึกษา อายุ 6-8 ปี

ความหมายของหลักสูตร
คือ  การวางแผนสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นในการเรียน อาจอยู่ในรูปที่มองเห็น คือ เอกสารหลักสูตรและสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น ปฏิสัมพันธ์(การยิ้ม  การไหว้  สายตา  การพูดคุย)

ความสำคัญของหลักสูตร
เป็นเอกสารทางราชการ
เป็นเกณฑ์มาจราฐานทางการศึกษาปฐมวัย
เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างเอกภาพของชาติ
เป็นแผนดำเนินงานของผู้บริหารสถานศึกษา
เป็นเครื่องชี้นำทางในการปฏบัติงานของครูปฐมวัย
เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนการสอนของครูเพื่อพัฒนาเด็ก

ลักษณะของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
เป็นเอกภาพ
มีความยืดหยุ่น
มีความเป็นสากลบนพื้นนความเป็นไทย
กำหนดช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิด-6ปีบริบูรณ์
ใช้ได้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย

จุดเน้นของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
พัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม
ยึดเด็กเป็นสำคัญ
เรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำ
บูรณาการผ่านการเล่นและประสบการณ์สำคัญ

การพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม
พัฒนาพร้อมกันทุกด้าน
พัฒนาตามแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกับพัฒนาเด็ก
สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
จัดประสบการณ์บูรณาการผ่านการเล่น
จัดกิจกรรมที่หลากหลาย
ประเมินพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคล
ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและครอบครัวเด็ก(แลกเปลี่ยนข้อมูลเด็ก/มีผู้สนับสนุน)

องค์ประกอบหลักสูตร
ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย(ความเชื่อ)
วิสัยทัศน์(เป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึงตามความเชื่อ)
หลักการ(แนวทาง)
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี

ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย
  การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กปฐมวัยตั้งแต่แรกเกิดถึงหกปีบริบูรณ์อย่างเป็นองค์รวม บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละคนให้เต็มศักยภาพ  ภายใต้บริบทสังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ด้วยความรัก  ความเอื้ออาทรและความเข้าใจของทุกคนเพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิต ให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เกิดคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ

วิสัยทัศน์
  เด็กทุกคนได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย  อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา อย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุขและเหมาะสมตามวัย มีทักษะชีวิต และปฏิบัติตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดี มีวินัยและสำนึกในความเป็นไทย โดยความร่วมมือของสถานศึกษา พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา

หลักการ
  1. ส่งเสริมการเรียนรู้ที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัยทุกคน
  2. ยึดการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคล และวิถีชีวิตของเด็กตามบริบทของชุมชน สังคม และวัฒนธรรมไทย
  3. ยึดพัฒนาการและการพัฒนาเด็กโดยองค์รวมผ่านการเล่นอย่างมีความหมายและกิจกรรมที่หลากหลาย ได้ลงมือกระทำในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เหมาะสมกับวัยและมีการพักผ่อนเพียงพอ

ความแตกต่างระหว่างหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2546 กับ
 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560

1. มีการเพิ่มวิสัยทัศน์ และสภาพที่พึงประสงค์รายอายุ เพื่อให้เห็นเนื้อหาที่ชัดเจนมากขึ้นและครูสามารถนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น

2. โครงสร้างหลักสูตร แบ่งออกเป็น 2 ช่วงอายุ คือ
    อายุต่ำกว่า 3 ปี แบ่งออกเป็น 0-2 ปี และ 2-3 ปี
    อายุ 3-ุุ6 ปี

3. สสวท เข้ามาส่วนในการเพิ่มเนื้อหา เพื่อให้ง่ายสำหรับเด็กและครูสามารถนำไปปฏิบัติได้

4. มีการนำพระบรมราโชบายของ รัชกาลที่ 10 มาใช้ คือ การส่งเสริมให้เด็กทำความดี และมีการทำงานเป็นกลุ่ม เกิดความสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

5. สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการสร้างโอกาสและความเสมอภาค เท่าเทียมกัน


คำศัพท์ (VOCAB)
Development >> พัฒนาการ
Course >> หลักสูตร
Importance >> ความสำคัญ
The Infant and Toddle Years >> วัยทารกและวัยเตาะแตะ
The Preschool Years >> วัยก่อนเข้าโรงเรียน
The Kindergarten Years >> วัยอนุบาล


Application (การประยุกต์ใช้)
-ได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างหลักสูตรปฐมวัย 2546 กับ 2560 เพื่อนำไปปรับและประยุกต์ใช้ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และเป็นแนวทางในการจัดทำแผนประสบการณ์เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวมและเกิดการเรียนรู้

Evaluation (การประเมิน)

Teacher (อาจารย์)
-อาจารย์ให้ความรู้มากมาย อธิบายให้เข้าใจง่าย และเราสามารถนำไปใช้ได้จริงในการออกฝึกปฏิบัติวิชาชีพครู

Self (ตนเอง)
-มาเรียนตรงเวลา จดบันทึกเพิ่มเติม มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม

Friends (เพื่อน)
-ให้ความร่วมมือในการเรียน ไม่ส่งเสียงดัง


บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 16

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

เวลา 11.30 - 14.30 น.



knowledge (ความรู้)

ทบทวนความรู้
  • การจัดประสบการณ์ควรออกแบบให้สอดคล้องและเหมาะสมกับพัฒนาการ สมอง และวิธี         การเรียนรู้
  • การจัดประสบการณ์เรียนรู้ควรออกแบบให้เด็กได้ลงมือกระทำหรือ เรียกว่า การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning

Active Learning คือกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทำและได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป  เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน 2 ประการคือ 
1) การเรียนรู้เป็นความพยายามโดยธรรมชาติของมนุษย์, 
2) แต่ละบุคคลมีแนวทางในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน 
โดยผู้เรียนจะถูกเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้(receive) ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้(co-creators)


Active Learning เป็นกระบวนการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง แปลตามตัวก็คือเป็นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ หรือ การลงมือทำซึ่ง ” ความรู้ “ที่เกิดขึ้นก็เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องได้มีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว ต้องจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้การเรียนรู้โดยการอ่าน, การเขียน, การโต้ตอบ, และการวิเคราะห์ปัญหา อีกทั้งให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์, การสังเคราะห์, และการประเมินค่า


ดังกล่าวนั่นเองหรือพูดให้ง่ายขึ้นมาหน่อยก็คือ หากเปรียบความรู้เป็น ” กับข้าว ” อย่างหนึ่งแล้ว Active learning ก็คือ ” วิธีการปรุง ” กับข้าวชนิดนั้น ดังนั้นเพื่อให้ได้กับข้าวดังกล่าว เราก็ต้องใช้วิธีการปรุงอันนี้แหละแต่ว่ารสชาติจะออกมาอย่างไรก็ขึ้นกับประสบการณ์ความชำนาญ ของผู้ปรุงนั่นเอง    ( ส่วนหนึ่งจากผู้สอนให้ปรุงด้วย )

“เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ในการนี้ ครูต้องลดบทบาทในการสอนและการให้ข้อความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรงลง แต่ไปเพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น และอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยการพูด การเขียน การอภิปรายกับเพื่อนๆ”

  • พัฒนาการ หมายถึง ความสามารถของเด็กในแต่ละช่วงวัย เป็นสิ่งบ่งบอกว่าเด็กสามารถทำอะไรได้บ้างในแต่ละช่วงอายุ
  • วิธีการเรียนรู้ คือ การที่เด็กได้ลงมือกระทำ ตัดสินใจด้วยตนเองอย่างอิสระ หรือเรียกว่า            (การเล่น)
  •  Executive Function (EF) คือ การทำงานของสมองด้านการจัดการ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสำเร็จในชีวิต โดยอาศัยกระบวนการทางปัญญา (cognitive process) ต่างๆ เช่น การยับยั้งความคิด การแก้ปัญหา การวางเป้าหมาย การวางแผนการปฏิบัติ (goal-directed behavior) การจดจำ ความยืดหยุ่นทางปัญญา (cognitive flexibility) เป็นความสามารถในการควบคุมความคิดตนเอง เช่น มีรูปแบบความคิดที่หลากหลาย การคิดนอกกรอบ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดและความสนใจตามสถานการณ์ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งที่ซับซ้อน                                                                  กระบวนการทางปัญญาเหล่านี้สามารถพัฒนาได้ในวัยเด็กตอนต้น ผ่านกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะด้านสังคม อารมณ์ และร่างกายเพื่อช่วยส่งเสริม EF ให้ดีขึ้น เช่นการเล่นดนตรี เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของ EF เพราะต้องอาศัยทักษะต่างๆ เช่น การมีสมาธิอย่างต่อเนื่อง ความยืดหยุ่นทางปัญญา การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน (task switching)
  • การทำงานของสมอง   
การที่เด็กได้ลงมือกระทำผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 
V
รับรู้
V
 ซึมซับ 
V
ปรับโครงสร้างความรู้ใหม่
V
ถ้าเด็กมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง แสดงว่าเด็ก เกิดการเรียนรู้
แต่ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เด็กเกิดแค่ การรับรู้


คำศัพท์ (VOCAB)
Development >> พัฒนาการ
ฺฺBrain >> สมอง
Learning >> การเรียนรู้
Active Learning >> กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทำ
Executive Function (EF) >> การทำงานของสมองด้านการจัดการ

Application (การประยุกต์ใช้)
-เป็นการทบทวนความรู้ ได้เข้าใจถึงหลักการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้เด็กได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง และนำไปจัดประสบการณ์การเรียนรู้ได้ถูกต้อง

Evaluation (การประเมิน)

Teacher (อาจารย์)
-อาจารย์อธิบายเนื้อหาตรงที่เราไม่เข้าใจอย่างละเอียด เอาใจใส่และให้คำแนะนำมากมาย

Self (ตนเอง)
-จดบันทึกเนื้อหา มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม

Friends (เพื่อน)
-ตั้งใจฟังอาจารย์ ไม่ส่งเสียงดัง


บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 15

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

เวลา 11.30 - 14.30 น.



ทบทวนความรู้
เรียนชดเชยวันอังคาร ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 14

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

เวลา 11.30 - 14.30 น.




วัดหยุดสงกรานต์

วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2561

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 13

วันพุธที่ 4  เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.00 - 17.00 น.

ชดเชยของ วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.30 - 14.30 น.


knowledge (ความรู้)


ความรู้เพิ่มเติม

1. การสอนควรใช้คำถาม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กเกิดการสังเกต และเกิดข้อค้นพบ 

2. ขั้นนำ เช่น การใช้เพลง การใช้คำคล้องจอง ปริศนาคำทาย การใช้ภาพตัดต่อ ควรใช้คำถามเชื่อมโยงกับขั้นนำและสิ่งที่เราจะสอน เช่น "เด็กๆคิดว่าในคำคล้องจองเกิดอะไรขึ้นบ้าง?" (เด็กได้คิดตอบเป็นการเชื่อมประสบการณ์เดิมของเด็ก)

3. ขั้นสอน เป็นช่วงที่ครูให้ความรู้แก่เด็กในเรื่องที่สอน สื่อที่นำมาสอนเด็ก ควรเป็นรูปภาพที่ใหญ่เพื่อให้เด็กสังเกตเห็นได้ชัดเจน และใช้คำถามปลายเปิด เช่น "เด็กๆเห็นอะไรในภาพบ้าง" / "นอกจากการกางร่ม เราควรปฏิบัติตนอย่างไรเมื่อฝนตก?"

4. ขั้นสรุป จากการสอนที่ครูได้ให้ความรู้และเด็กร่วมกันตอบแล้ว ครูจึงนำองค์ความรู้ที่ได้มาสรุปร่วมกับเด็กลงในผังกราฟฟิก ให้เด็กมีส่วนร่วมในการนำภาพมาติดชาร์ตและครุเขียนบันทึกลงชาร์ต 


ภาพการทำกิจกรรม

หน่วยแหล่งน้ำ




หน่วยฝน 








คำศัพท์ (VOCAB)
Freight >> การขนส่งสินค้า
Profession >> อาชีพ
Raincoat >> เสื้อกันฝน
Umbrella >> ร่ม
Sore throat >> เจ็บคอ
Flu >> ไข้หวัดใหญ่
Have a fever >> ป่วยไข้


Application (การประยุกต์ใช้)
-สามารถนำคำแนะนำของอาจารย์ไปปรับปรุงและประยุกต์ใช้ได้ในการฝึกสอน เช่น การใช้คำถามกระตุ้นให้เด็กได้คิด การใช้สื่อที่น่าสนใจ การเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมที่เด็กมี การใช้เพลงเพื่อดึงดูดความสนใจของเด็ก

Evaluation (การประเมิน)

Teacher (อาจารย์)
-อาจารย์ใส่ใจในการสอนทุกคน อธิบายและแนะนำสิ่งที่ที่ดีให้เรา และให้เทคนิคใหม่ๆ 

Self (ตนเอง)
-มาตรงเวลา จดบันทึกเนื้อหาที่อาจารย์แนะนำเพิ่มเติม 

Friends (เพื่อน)
-เพื่อนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตั้งใจเรียน

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 12

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2561

เวลา 11.30 - 14.30 น.



knowledge (ความรู้)

กิจกรรมเสริมประสบการณ์ หน่วยยานพาหนะ (Vehicle) 
(วันพฤหัสบดี)





วัตถุประสงค์
     เพื่อให้เด็กสามารถ 
1.บอกวิธีการปฏิบัติในการใช้ยานพาหนะได้
2.ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
3.สนทนาและแสดงความคิดเห็นได้

สาระการเรียนรู้

     สาระที่ควรเรียนรู้  
         ข้อควรปฏิบัติของยานพาหนะเช่นนั่งรถยนต์ต้องคาดเบลท์  ไม่ยื่นมือและศรีษะออกมานอกรถและไม่หยอกล้อกันขณะขับรถ นั่งเรือต้องใส่ชูชีพนั่งที่ให้เรียนร้อยไม่วิ่งและหยอกล้อกัน  นั่งจักรยานยนต์ต้องใส่หมวกกันน็อกและไม่ซ้อน3คน 

    ประสบการณ์สำคัญ
         ด้านอารมณ์-จิตใจ
         -การแสดงออกอย่างสนุกสนานกับเรื่องราวต่างๆ
        ด้านสังคม
         -การร่วมสนทนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
         ด้านสติปัญญา
         -การรู้จักสิ่งต่างๆด้วยการมองและการฟัง
กิจกรรมการเรียนรู้

ขั้นนำ
ครูและเด็กร่วมกันอ่านคำคล้องจองและสนทนาเกี่ยวกับ คำคล้องจอง ปลอดภัยไว้ก่อน
สวมหมวกนิรภัย ใส่ใจทุกครั้ง
ขึ้นรถระวังรีบนั่งให้ดี
เข็มขัดคาดไว้เรือไวเร็วจี๋
ดูอย่างถ้วนถี่ มีความปลอดภัย

ขั้นสอน
1.ครูมีภาพอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดจากไม่ปฏิบัติตามข้อควรปฏิบัติในการใช้ยานพาหนะมาให้เด็กดู เช่นภาพรถยนต์ชนแล้วคนกระเด็นออกจากรถเพราะไม่ได้คาดเข็ม  ภาพคนจะจมน้ำเพราะนั่งเรือไม่ใส่ชูชีพ  ภาพนั่งจักรยานยนต์ล้มคนบาดเจ็บเพราะไม่ใส่หมวกกันน็อก
 2.ครูให้เด็กสังเกตภาพอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ต่างๆ ในการใช้ยานพาหนะโดยใช้คำถาม เช่น“เด็กๆลองสังเกตดูสิว่าที่รถยนต์ชนกันและคนกระเด็นออกจากรถเป็นเพราะอะไร”
 3.ครูบันทึกร่องรอยการเรียนรู้ลงผังกราฟฟิก


ขั้นสรุป
ครูและเด็กร่วมกันทบทวนข้อควรปฏิบัติของการใช้ยานพาหนะ



สื่อ / แหล่งเรียนรู้

1.ชาร์ตคำคล้องจอง
2. ผังกราฟฟิก
3.รูปภาพอุบัติเหตุ


การวัดและประเมินผล
สังเกตและบันทึกพฤติกรรม ดังนี้
1.บอกวิธีการปฏิบัติในการใช้ยานพาหนะได้
2.ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
3.สนทนาและแสดงความคิดเห็นได้

การบูรณาการ
2. สังคม
1. ภาษา

ความรู้เพิ่มเติม

1. การใช้ภาพตัดต่อ ควรมีปรับเปลี่ยน ตัดภาพให้หลากหลายรูปทรง เช่น สามเหลี่ยม

2. สื่อที่จะนำมาสอนควรมีความน่าสนใจ เรียบร้อย

3. ถ้าเราต้องการสาธิตวิธีการต่างๆ ควรเลือกเรื่องที่ใกล้ตัวเด็ก เช่น หน่วยของเล่นของใช้ ควรสาธิตการทำความสะอาด เช็ดของเล่น ของใช้

4. เนื้อหาในการสอน ครูควรค้นคว้าหาความรู้ให้มากพอที่จะนำมาสอนเด็ก 

5. การที่สอนให้เด็กรู้คำศัพท์ต่างๆ เช่น หน่วยแหล่งน้ำ การอุปโภค กับ การบริโภค ควรมีเกณฑ์ที่ให้เด็กสามารถแยกได้ คือ อุปโภค คือ การนำมาใช้งาน เช่น การซักผ้า ล้างจาน / การบริโภค คือ การใช้ดื่มกิน เช่น การประกอบอาหาร 

6. การทำcookking ควรใส่ภาชนะที่เหมาะสมวางให้เด็กเห็นทั้งหมด ทำให้เกิดทักษะทางคณิตศาสตร์ในการคาดคะเนและทักษะวิทยาศาสตร์ในการทำ



ภาพการทำกิจกรรม

หน่วยผีเสื้อ




หน่วยของเล่น ของใช้



หน่วยตัวเรา





หน่วยแหล่งน้ำ




หน่วยไข่





คำศัพท์ (VOCAB)
Vehicle >> ยานพาหนะ
Observation >> การสังเกต
Instruction >> ข้อควรปฏิบัติ
Accident >> อุบัติเหตุ
Life jacket >> เสื้อชูชีพ
Antiknock helmet >> หมวกนิรภัย
Safety belt >> เข็มขัดนิรภัย


Application (การประยุกต์ใช้)
-นำวิธีการสอนที่เป็นขั้นตอนไปประยุกต์ใช้ในการฝึกสอนได้ โดยการใช้คำถามเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กได้เกิดทักษะการคิด การสังเกต

Evaluation (การประเมิน)

Teacher (อาจารย์)
-ให้คำแนะนำในการสอน คอยชี้แนะสิ่งที่ดีให้เรา และอธิบายให้เห็นภาพชัดเจน

Self (ตนเอง)
-ตั้งใจเรียน จดบันทึก มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม

Friends (เพื่อน)
-ไม่ส่งเสียงดัง ให้ความร่วมมือกันดีภายในห้องเรียน

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 11

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

เวลา 11.30 - 14.30 น.



knowledge (ความรู้)

กิจกรรมเสริมประสบการณ์ หน่วยยานพาหนะ (Vehicle) 
(วันพุธ)






วัตถุประสงค์
     เพื่อให้เด็กสามารถ 
     1.บอกวิธีการดูแลรักษายานพาหนะได้
     2.ทำความสะอาดยานพาหนะได้
     
สาระการเรียนรู้

     สาระที่ควรเรียนรู้  
          การดูแลรักษายานพาหนะสามารถทำได้หลายวิธีเช่น การล้างรถ การตรวจเช็คสภาพรถ การเช็คลมยาง เป็นต้น

    ประสบการณ์สำคัญ
         ด้านอารมณ์-จิตใจ
         -การแสดงออกอย่างสนุกสนานกับเรื่องราวต่างๆ
        ด้านสังคม
         -การวางแผนตัดสินใจเลือก และลงมือปฏิบัติ
         ด้านสติปัญญา
         -การสังเกตวิธีการและลำดับขั้นตอน

กิจกรรมการเรียนรู้


ขั้นนำ
1.ครูร้องเพลง ล้างรถกันเถอะ
ล้าง ล้าง ล้าง พวกเรามาล้างรถกันเถอะ
ล้างแล้วจะไม่เลอะเทอะ (ซ้ำ)
ล้างรถกันเถอะ ล้าง ล้าง ล้าง ล้าง

ขั้นสอน
2.ครูสอนวิธีล้างรถยนต์ โดยการนำอุปกรณ์ล้างรถยนต์มาอธิบายวิธีการใช้


3.ครูอธิบายขั้นตอนการล้างรถ
1.ฉีดน้ำไล่คราบสกปรก
2.การผสมน้ำยาล้างรถ
3.ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำยาแล้วล้างจากหลังคาไล่ลงมาด้านข้างรถ
4.ล้างด้วยน้ำสะอาด
5.ใช้ผ้าเช็ดแห้ง เช็ดให้สะอาด


ขั้นสรุป
4.ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาทบทวนอุปกรณ์และขั้นตอนการล้างรถ


สื่อ / แหล่งเรียนรู้

1.ชาร์ตเพลง
2.อุปกรณ์ล้างรถ
- เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
- ฟองน้ำ
- ถังน้ำ
- แชมพู
- ผ้าเช็ดแห้ง

การวัดและประเมินผล
สังเกตและบันทึกพฤติกรรม ดังนี้
1.บอกวิธีการดูแลรักษายานพาหนะได้

การบูรณาการ
1.วิทยาศาสตร์
- การจัดลำดับ
2.สุขศึกษา
  - การดูแลรักษาความสะอาด


ความรู้เพิ่มเติม

1. การจัดประสบการณ์ควรให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติ เช่น สอนเรื่องการล้างรถ อาจพาเด็กไปล้างรถจริงในบริเวณใกล้ๆ 

2. ควรสอนวิธีการดูแลรักษาให้ครอบคลุมทุกอย่างก่อน แล้วค่อยเจาะเรื่องที่เราจะสอน

3. การทำชาร์ตที่เป็นลำดับขั้นตอน ควรเป็นชาร์ตกล่องและมีลูกศรชี้ลงไปตามลำดับขั้นตอน

4. การใช้จิ๊กซอว์ ควรใช้ประมาณ 4 ชิ้น และภาพที่ให้เด็กเลือกติดควรให้เด็กเห็นภาพทั้งหมดก่อนแล้วจึงให้เลือก


ภาพการทำกิจกรรม

หน่วยผีเสื้อ


หน่วยแหล่งน้ำ


หน่วยของเล่น-ของใช้

หน่วยฝนจ๋า

หน่วยตัวเรา

หน่วย ไข่






คำศัพท์ (VOCAB)
Vehicle >> ยานพาหนะ
Observation >> การสังเกต
Wash a car>> ล้างรถ
Bucket >> ถังใส่น้ำ
High Pressure Washer >> เครื่องฉีกน้ำแรงดันสูง
Wipes >> ผ้าเช็ด
Treatment >> การดูแลรักษา


Application (การประยุกต์ใช้)
-ได้เรียนรู้ขั้นตอนในการสอน และได้รับคำแนะนำในการเขียนชาร์ต เพื่อนำไปปรับใช้ในการฝึกสอนได้ 

Evaluation (การประเมิน)

Teacher (อาจารย์)
-สอนได้ละเอียด แนะนำในเรื่องการสอนเทคนิคต่างๆให้มากมาย

Self (ตนเอง)
-มาตรงเวลา ช่วยเพื่อนเตรียมสื่อ ตั้งใจจดบันทึกความรู้เพิ่มเติม

Friends (เพื่อน)
-เพื่อนในแตี่ละกลุ่ม ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน